เหนือฟากฟ้า ที่หาดหว้ากอ เป็นสถานที่ที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระมหากษัตริย์แห่งวิทยาศาสตร์ ทรงได้พยากรณ์การเกิดสุริยุปราคาเอาไว้ เป็นเหตุการณ์ ประวัติวิทยาศาสตร์ไทย ครั้งสำคัญที่สุดครั้งหนึ่ง ในวงการดาราศาสตร์ไทย
ทรงพยากรณ์ ด้วยพระปรีชาด้านดาราศาสตร์ และคณิตศาสตร์ขั้นสูง ที่ทรงศึกษาด้วยพระองค์เอง ล่วงหน้าราว 2 ปี ว่าจะเกิดสุริยุปราคาเต็มดวง ในวันที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2411 ซึ่งจะเห็นได้ชัดเจนที่ บ้านหว้ากอ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
โดยคราสจะเริ่มจับเต็มดวง ในเวลา 11 นาฬิกา 36 นาที 20 วินาที กินเวลานาน 6 นาที 45 วินาที นับเป็นพระปรีชาทางด้านการคำนวณ ที่มาจากความรู้ และความสนพระทัย ในศาสตร์ต่างๆ อย่างลึกซึ้ง
“ในเดือน 9 นั้นทรงพระราชดำริรำพึง ถึงการสุริยุปราคา ซึ่งจะมีในเดือน 10 ขึ้น 1 ค่ำ ได้ทรงคำนวณไว้แต่ปีขาล อัฐศกว่า ในปีมะโรง สัมฤทธิศก จุลศักราช 1230 (พ.ศ. 2411) จะมีสุริยุปราคาจับหมดดวง ซึ่งยากนักที่จะได้เห็นในพระราชอาณาจักร”
“ด้วยวิธีโหราศาสตร์ ได้ทรงสะสมมานานตามสารัมภ์ไทย สารัมภ์มอญ แต่ตำราอเมริกันฉะบับเก่า และตำราอังกฤษ เป็นหลายฉะบับ ได้ทรงคำนวณสอบสวนต้องกัน ได้ทรงกะการตามในแผนที่ ว่าจะมีเป็นแน่ เป็นตะวันตกกรุงเทพมหานครเพียง 50 ลิปดา”
“เวลาต่างจากกรุงเทพฯ 3 นาที 20 วินาที ได้ทรงพิจารณาละเอียดถ้วนถี่แล้วว่า พระอาทิตย์จะจับหมดดวง แลจะเห็นบนหน้าแผ่นดินไปไกลถึงตำบลหว้ากอ แขวงเมืองประจวบคีรีขันธ์ อยู่ตรงท่ามกลางที่มืดหมดดวง”
“จึงสั่งเจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์ สมุหพระกลาโหม ให้จัดจ้างคนในหัวเมืองเพ็ชรบุรี เมืองปราณบุรี เมืองประจวบคีรีขันธ์ เมืองกำเนิดนพคุณ เมืองประทิว ให้จัดทำค่ายหลวง และพลับพลาที่ประทับแรม ที่ตำบลหว้ากอ ตรงเกาะจานเข้าไป”
“สุริยุปราคาครั้งนี้ จะมีในวันอังคาร เดือน 10 ค่ำ ขึ้น 1 ค่ำ ปีมะโรง สัมฤทธิศก คราสจะจับในเวลาเช้า 4 โมงเศษ ไปจนถึงบ่ายโมงเศษ จึงจะโมกษ์บริสุทธิ์ ก็สุริยุปราคาครั้งนี้ จะไม่ได้เห็นจับหมดดวง กาลนานถึง 560 ปีเศษ จะได้เห็นคราวหนึ่ง”
เป็นการไล่เรียงเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ การเสด็จพระราชดำเนิน ไปที่หาดหว้ากอ เพื่อดูสุริยุปราคา ในช่วงเดือนสิงหาคม ปี พ.ศ. 2411
วันที่ 25 กรกฎาคม คณะนักวิทยาศาสตร์ฝรั่งเศส นำโดย เอดัวร์ สเตฟาน (Mr. Edouard Stephan) และคณะรวม 8 คน เดินเรือมาถึงหน้าหาดหว้ากอ
6 สิงหาคม
ทรงมีประกาศ สุริยุปราคาหมดดวง แก่ข้าราชการ พระสงฆ์ สามเณร และราษฎร ทั้งในกรุงเทพฯ และหัวเมืองให้ทราบทั่วกัน โดยบอกเวลา สถานที่ และลักษณะการเกิดปรากฏการณ์ไว้อย่างละเอียด
7สิงหาคม
เสด็จพระราชดำเนิน โดยเรือพระที่นั่งอรรคราชวรเดช ออกจากท่านิเวศวรดิษฐ์ ตั้งแต่เวลาเช้า ผ่านสมุทรปราการ แล้วมุ่งหน้าสู่ประจวบคีรีขันธ์
8สิงหาคม
เรือพระที่นั่งถึงที่ทอดสมอหน้าค่ายหลวง ตำบลหว้ากอในเวลาเที่ยง อากาศมืดครึ้ม เมฆปกคลุมทั่วไป มีคลื่นลมมาโคลงเรือพระที่นั่ง ครั้นเวลาย่ำค่ำ มีพระราชโองการ ดำรัสให้ถอยเรือพระที่นั่ง กลับไปทอดประทับแรมอยู่ที่อ่าวมะนาว 2 วัน
10สิงหาคม
เสด็จพระราชดำเนินขึ้นจากเรือพระที่นั่งขึ้นฝั่ง ทรงม้าพระที่นั่งจากอ่าวมะนาว ลงไปถึงพลับพลาค่ายหลวงตำบลหว้ากอ
13สิงหาคม
เวลาใกล้เที่ยง หลังจากทรงวัดแดด สอบแผนที่ที่ตั้งค่ายหลวง (วัดตำแหน่งดวงอาทิตย์โดย เซกซ์เทน) แล้วจึงเสด็จเยี่ยมค่ายนักดาราศาสตร์ฝรั่งเศส ทรงสนพระราชหฤทัย ในอุปกรณ์ทางดาราศาสตร์เป็นอย่างมาก
เอดัวร์ สเตฟาน ได้กล่าวว่า “พระองค์สนพระราชหฤทัย ในวิชาการดาราศาสตร์เป็นอันมาก การที่พระองค์เสด็จแปรพระราชฐานมาถึงหว้ากอนี้ ทำให้เราเชื่อว่า ทรงมุ่งมั่นจริงจัง ในวิทยาศาสตร์เป็นอย่างมาก”
14สิงหาคม
นายเฮนรี อาลาบาสเตอร์ รักษาการณ์กงสุลอังกฤษประจำสยาม นำเรือรบ 3 ลำ เดินทางมาถึงหว้ากอ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงยิงสลุตต้อนรับด้วยพระองค์เอง 7 นัด และให้การรับรองด้านต่างๆอย่างดี
17สิงหาคม
เซอร์ แฮรี่ ออร์ด ได้เข้าเยี่ยมคารวะ สมุหพระกลาโหม พร้อมเสนาบดีต่างประเทศ และได้เข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ณ พลับพลาที่ประทับ
18สิงหาคม
เมฆก้อนหนา ปรากฏขึ้นทางทิศใต้ ของหาดหว้ากอ นำความกังวลมาสู่คณะเฝ้าสังเกตการณ์ 9นาฬิกา ท้องฟ้ามืดมน ดวงอาทิตย์ถูกเมฆบดบัง ฝนเริ่มตกปรอยๆ ทุกคนต่างเริ่มรู้สึกหมดหวัง
10.03 น. พระองค์เสด็จออกทรงกล้อง ทรงคำนวณไว้ว่าจะเกิดสุริยุปราคาในเวลา 11.36 น. กล้องโทรทรรศน์ของพระองค์ และของเหล่าบรรดาพระราชอาคันตุกะ ต่างพร้อมที่จะใช้งาน รอคอยเพียงเหตุการณ์ปรากฏขึ้นเท่านั้น
11.36 น. ท้องฟ้าเริ่มเปิด อากาศเริ่มดีขึ้น ลมพัดก้อนเมฆให้เคลื่อนออก เผยให้เห็นปรากฏการณ์ครั้งสำคัญ สุริยุปราคา ได้ปรากฏขึ้นต่อหน้าทุกคน เหนือฟากฟ้าที่หาดหว้ากอ
“เมื่อเวลา 11นาฬิกากับ 25 นาที แดดไม่ร้อน แสงร้อนอ่อนมาก ครั้นถึงเวลา 11นาฬิกา 30 นาที ดวงพระอาทิตย์เหลือน้อย ถ้าคิดดวงอาทิตย์แบ่งสัก 12 ส่วน จะเหลืออยู่ไม่ถึง 1 ส่วน เมื่อนั้นท้องฟ้าตรงดวงพระอาทิตย์ ไปจนข้างตะวันตก เป็นต้นลม สว่าง ไม่มีเมฆเลยทีเดียว”
“คนร้องว่า หมดแล้ว เห็นดาวแล้ว อื้ออึงมาก แต่ที่จริงยังไม่หมด ไปหมดต่อ 11นาฬิกา 36 นาที 22 วินาที เมื่อดวงอาทิตย์ถูกดวงจันทร์บังจนมิด ท้องฟ้าโดยทั่วไปก็มืดเหมือนกลางคืน มีเพียงรังสีแลบออกมา จากขอบโดยรอบ”
“แม้แต่จะมองนาฬิกา ก็ยังมองไม่เห็น ครั้นรัศมีสว่างของดวงอาทิตย์ผุดออกมา จึงทำให้เห็นนาฬิกาได้ ขณะนั้นเป็นเวลา 11 นาฬิกา 43 นาที 7 วินาที สุริยุปราคาจับหมดดวงนาน 6 นาที 45 วินาที และหลุดคราส 13นาฬิกา 9 นาที ถูกต้องตรงกับที่ทรงพยากรณ์ไว้ ไม่คลาดเคลื่อน”
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพยากรณ์ว่าจะเกิดสุริยุปราคา และเสด็จดำเนินไปชมด้วยตาของพระองค์เอง ในเหตุการณ์ครั้งนี้ ก็ได้แสดงถึงพระอัจฉริยภาพ ที่พระองค์ทำนายไว้อย่างแม่นยำ
อัปเดตข่าวสารฉับไวทุกวัน ทุกเรื่องบนโลกใบนี้ ทุกข่าวสารใหม่ เนื้อหาเน้นๆ รู้ทันก่อนใคร ติดตามได้ที่พาตะลอน