ประวัติศาสตร์ ออโตมาตา เป็นเรื่องราวการค้นพบ ทฤษฎีออโตมาตา (Automata theory) ซึ่งเป็นวิทยาศาสตร์แขนงหนึ่งบนโลก ใช้ในการสร้างกลไกแบบอัตโนมัติ และยังถูกนำมาทำเป็น ออโตมาตาทอย ในบทความนี้ พาตะลอน จะพาไปทำความรู้จักวิทยาศาสตร์โบราณนี้มากขึ้น
ออโตมาตา มีเรื่องราวการค้นพบ ตั้งแต่ในยุคสมัยก่อน โดยการบันทึกเหตุการณ์ต่างๆเอาไว้ ซึ่งมีลำดับเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ ดังนี้
ชาวกรีกโบราณ มีความรู้เกี่ยวกับเครื่องกลอย่างง่าย เกียร์ ระบบไฮดรอลิก และนิวเมติกส์ ซึ่งเป็นพื้นฐานของในอารยธรรมยุคต่อมา โดยวิศวกรที่มีชื่อเสียงในยุคเฮลเลนิสติก คือ Ctesibius และ Philo of Byzantium
ในช่วงยุคโรมัน ศตวรรษที่ 2 หรือ 3 ก่อนคริสต์ศักราช ชาวอียิปต์ สร้างออโตมาตา ที่เป็นแบบจำลองมนุษย์ ที่สามารถขยับแขน และขาได้ วิศวกรที่โดดเด่นในยุคนี้ได้แก่ Hero of Alexandria โดยผลงานของเขาบางส่วน ได้รับแรงบันดาลใจจาก Ctesibius
จากความรู้ด้านออโตมาตา ที่มาจากชาวกรีก ได้เผยแพร่ไปสู่ อาณาจักรไบแซนไทน์ โดยนำมรดกความรู้นี้ มาสร้างนาฬิกาน้ำ ที่มีเครื่องยนต์อัตโนมัติ และมีการเคลื่อนไหว ที่ซับซ้อนมากยิ่งขึ้น
เป็นยุคที่เทคโนโลยีเริ่มพัฒนาก้าวหน้ามากขึ้น ตั้งแต่ประมาณช่วงปี ค.ศ. 1453 เป็นต้นมา ออโตมาตาได้ถูกแพร่หลายไปยังดินแดนต่างๆ ทั่วทุกมุมโลก
ช่วงต้นศตวรรษที่ 16 มีการแปลตำราของ Hero of Alexandria และ Philo of Byzantium ในยุโรป เป็นองค์ความรู้ ในการสร้างสวนพักผ่อนของเจ้าชายอาร์ชบิชอป แห่งชาล์ชบูร์ก ในต้นศตวรรษที่ 17 (ค.ศ.1619)
สวนแห่งนี้ขึ้นชื่อในเรื่องความประณีตงดงาม ประดับประดาไปด้วยน้ำพุกล และมีดนตรีกล พร้อมตัวละครเคลื่อนไหวได้จากพลังขับเคลื่อนของน้ำ
ในฝั่งโลกตะวันออก ชาวญี่ปุ่น ได้นำกลไกของนาฬิกามาใช้ และยังพัฒนากลไกจักรกลออโตมาตา หรือหุ่นกระบอกคาราคุริ รวมถึงชาฮาโคบิ นิงเกียว หรือตุ๊กตาเสิร์ฟชาของญี่ปุ่น ที่คัดสรรไม้เนื้อแข็งคุณภาพดี ประกอบเป็นล้อเฟือง ส่วนสปริงทำมาจากกระดูกของวาฬ
ในศตวรรษที่ 18 ช่างเทคนิคที่มีชื่อเสียงอย่างมาก คือ Jacques de Vaucanson ชาวฝรั่งเศส ผู้มีความสำคัญต่อการพัฒนาออโตมาตา ทั้งในด้านอุตสาหกรรม และการสร้างสรรค์ของเล่นออโตมาตา เช่น เป็ดเชิงกล ที่สามารถกินอาหาร ย่อย และขับถ่ายได้เหมือนเป็ดมีชีวิต
สำหรับหุ่นยนต์ออโตมาตา ที่มีลักษณะเหมือนมนุษย์ และสามารถเคลื่อนไหวได้ เช่น การวาดภาพ การเขียน หรือการเล่นเครื่องดนตรี โดยช่างฝีมือที่มีชื่อเสียง ได้แก่ Henri Maillardet และครอบครัว Jacquet-Droz
ในศตวรรษที่19 เป็นยุคเฟื่องฟูของออโตมาตา ช่างเทคนิคของฝรั่งเศส ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และเติบโตอย่างรวดเร็ว ทำให้กลายเป็นผู้นำในการผลิต เครื่องจักรอัตโนมัติ โดยผลงานในยุคนี้โดดเด่นด้านกลไกหุ่นบุคคล
โดยหุ่นบุคคลเหล่านี้ สามารถแสดงอารมณ์ได้ ประกอบกับสไตล์การออกแบบ และความฉลาดของช่างฝีมือ ทำให้ออโตมาตา กลายเป็นที่ต้องการสูงมากในตลาด
เมื่อสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 1 กลไกไฟฟ้าเข้ามาแทนที่ ส่งผลให้ความต้องการกลไกนาฬิกาออโตมาลดลง บวกกับการพัฒนาอย่างรวดเร็ว ทำให้การหาช่างฝีมือ และวิศวกรที่มีทักษะด้านออโตมาตายากขึ้น
การผลิตออโตมาตาลดน้อยลงเรื่อยๆ จากการกีดกันทางการค้าของสหรัฐอเมริกา ต่อการนำเข้าของเล่นจากฝรั่งเศส ประกอบกับการห้ามส่งออกของเล่นในประเทศฝรั่งเศส ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 ทำให้การผลิตออโตมาตาต้องหยุดชะงักลง
หลังช่วงสงครามผ่านพ้นไป ออโตมาตากลายเป็นสิ่งฟุ่มเฟือยในยุคเศรษฐกิจฝืดเคือง จนกระทั่งศตวรรษที่ 20 ออโตมาตาเกือบจะสูญหายอย่างสมบูรณ์ เหลือเพียงแค่ของเล่นเชิงกลขนาดเล็ก และลดกลไกซับซ้อนลง ที่ยังคงดำเนินการผลิตต่อไปได้จนถึงปัจจุบัน
ถึงแม้ว่าจะไม่ถูกนิยม เหมือนกับในอดีตที่ผ่านมา แต่ทฤษฎีออโตมาตา ยังถูกนำไปใช้ในทางวิศวกรรม และวิทยาศาสตร์ในด้านอื่นๆ รวมถึงทางคณิตศาสตร์ ที่ใช้สำหรับการสร้างกลไกนาฬิกา หรือสิ่งของในชีวิตประจำวัน
ตัวอย่างสิ่งของที่ใช้ ทฤษฎีออโตมาตา
เรื่องราวของออโตมาตา ที่เป็นการค้นพบทางวิทยาศาสตร์ด้านกลไก ที่เคยเปลี่ยนแปลงโลกในยุคอดีต ก็ได้ผ่านล่วงตามกาลเวลา หลายยุคหลายสมัย จนถึงปัจจุบัน ที่มีเทคโนโลยีด้านอื่นเข้ามาทดแทน จนอาจถูกลืมเลือน และกลายเป็นประวัติศาสตร์ ที่เล่าขานไปตลอดกาล
อัปเดตข่าวสารฉับไวทุกวัน ทุกเรื่องบนโลกใบนี้ ทุกข่าวสารใหม่ เนื้อหาเน้นๆ รู้ทันก่อนใคร ติดตามได้ที่พาตะลอน